เทคโนโลยีการสำรองข้อมูลในโลกปัจจุบันที่มาแรงที่สุดก็คงไม่หนีไม่พ้นการใช้คลาวด์ จริงอยู่ที่การใช้คลาวด์นั้นอำนวยความสะดวกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดขั้นตอนในการติดตั้ง และไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ขอเพียงแค่อุปกรณ์ที่ใช้ทำงานเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม กระแสของคลาวด์ก็ไม่ได้จะล้มธุรกิจการจำหน่ายแฟลชไดร์ฟหรืออุปกรณ์สำรองข้อมูลอื่นได้ง่าย ๆ เพราะการสำรองข้อมูลแบบเดิมก็ยังจำเป็นอยู่ในหลายสถานการณ์
สิ่งที่แฟลชไดร์ฟให้ได้แต่คลาวด์ให้ไม่ได้
อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยังมีการจัดจำหน่ายแฟลชไดร์ฟในทุกวันนี้คือ เทคโนโลยีคลาวด์ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีข้อจำกัดอยู่บ้างในการใช้งานของผู้ใช้หลายกลุ่มหลายวัตถุประสงค์ ซึ่งบ่อยครั้งก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกลับไปใช้แฟลชไดร์ฟหนึ่งตัว
แฟลชไดร์ฟสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้
การใช้งานคลาวด์ผู้ใช้จะพบกับข้อจำกัดการใช้งานเมื่อปราศจากสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยที่หลายครั้งอุปกรณ์จะต้องสำรองพื้นที่การเก็บข้อมูลนั้นไว้ก่อนแล้วจึงอัปโหลดขึ้นคลาวด์เมื่อมีสัญญาณ จังหวะนี้เองที่บางครั้งก็ดูสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล การจำหน่ายแฟลชไดร์ฟก็เลยมุ่งเป้าไปที่การจัดเก็บข้อมูลให้รอบคอบในขณะออฟไลน์
นอกจากนี้ เวลาที่ต้องเปิดไฟล์งานขึ้นมาใช้ต่อ แฟลชไดร์ฟจะทำให้คุณเปิดใช้ไฟล์งานได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่ต้องการ ขอเพียงแค่อุปกรณ์ของคุณรับกับชนิดของแฟลชไดร์ฟเท่านั้น
แฟลชไดร์ฟไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน
ผู้ใช้งานแฟลชไดร์ฟจะจ่ายเพียงครั้งเดียวคือตอนซื้อแฟลชไดร์ฟนั้นมาจากร้านจำหน่ายแฟลชไดร์ฟเท่านั้น ต่างจากคลาวด์ที่ผู้ใช้งานจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ต้องการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล
แฟลชไดร์ฟกับการช่วยแบ็กอัปสองชั้น
จริง ๆ แล้วข้อดีของแฟลชไดร์ฟข้อนี้ก็คล้ายคลึงกับการข้อดีข้อหนึ่งของคลาวด์ กล่าวคือหากคลาวด์ถูกใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อการแบ็กอัปข้อมูลจากอุปกรณ์ของคุณในกรณีที่ข้อมูลงานของคุณอาจสูญหายจากเครื่อง แฟลชไดร์ฟก็ถูกใช้ในงานแบ็กอัปงานที่เก็บไว้บนคลาวด์เช่นเดียวกัน
เลือกซื้อแฟลชไดร์ฟแบบไหนให้ตรงความต้องการที่สุด
ถึงแฟลชไดร์ฟจะมีความจำเป็นและยังมีการจำหน่ายแฟลชไดร์ฟในแหล่งทั่วไป การเลือกซื้อให้ตรงกับความต้องการใช้งานเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะลงทุน เพราะหลาย ๆ ครั้งแฟลชไดร์ฟก็เป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีราคา
ความจุ
แน่นอนว่าคุณสมบัติในการจุข้อมูลควรเป็นอันดับแรกที่เรามองหา ดังนั้น ควรเลือกแฟลชไดร์ฟที่มีความจุเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อป้องกันเรื่องของความอืดหรือการขาดช่วงของการเซฟข้อมูล เช่น ถ้ารู้ว่าลักษณะงานของเราเป็นการทำงานกับไฟล์รูปหรือวิดีโอความละเอียดสูง อาจจะต้องมองหาแฟลชไดร์ฟระดับหนึ่งร้อย GB ขึ้นไป ๆ จนถึงระดับ TB
เลือกซื้อให้ตรงกับรุ่นอุปกรณ์
เป็นอีกข้อควรคำนึงถึง เมื่อเลือกความจุที่ต้องการมาแล้ว ควรเช็กที่บรรจุภัณฑ์หรือเช็กกับร้านจำหน่ายแฟลชไดร์ฟว่าแฟลชไดร์ฟที่ต้องการสามารถเสียบกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ เป็น USB 2.0 USB 3.0 USB 3.1 หรือเป็น Type C ซึ่งถ้าไม่ตรงกัน ก็อาจพิจารณาใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง USB ร่วมด้วย
เลือกซื้อรุ่นที่มีประกัน
การจำหน่ายแฟลชไดร์ฟก็เหมือนการซื้อ-ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไปที่ควรจะมีประกันการใช้งานรองรับ และผู้ซื้อสามารถได้รับบริการการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ชัดเจน
แฟลชไดร์ฟยังคงเป็นอุปกรณ์สำรองข้อมูลคลาสสิกที่ถูกเลือกจากผู้ที่มองว่าระบบคลาวด์ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานที่สุด นอกจากนี้ ในตลาดปัจจุบัน เราก็ยังพบการแข่งขันเทคโนโลยีแฟลชไดร์ฟที่เหนือชั้นของแบรนด์ต่าง ๆ โดยเพิ่มความจุ ความเร็ว รวมถึงการรองรับในอุปกรณ์ได้หลากหลายมากขึ้น ธุรกิจการจัดจำหน่ายแฟลชไดร์ฟจึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ต่อไป